บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2563 มีกำไรสุทธิจำนวน 4,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 114% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ซึ่งประกอบไปด้วย กำไรสุทธิของบริษัทย่อย และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม
นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP กล่าวว่า “ในไตรมาส 1 ปี 2563 TCAP และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 4,602 ล้านบาท ซึ่งประกอบไปด้วยกำไรสุทธิของบริษัทย่อยที่สำคัญจำนวน 3,713 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นกำไรจากการขายเงินลงทุนใน บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด (AJT) ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 7,167 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการรับรู้กำไรของ TMB ตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ TCAP ถือในสัดส่วน 20.12% โดยในไตรมาสนี้ TMB มีกำไรสุทธิจำนวน 4,163 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ มีจำนวน 4,316 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 114% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน”
นายสมเจตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ”การย้ายไปถือหุ้นใน TMB ที่รวม TBANK เข้าไปเป็นธนาคารที่ใหญ่ขึ้นเท่าตัว เป็นการปรับยุทธศาสตร์ของเรา ซึ่งธนาคารที่ใหญ่ขึ้นจะมีความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลดีต่อ TCAP ในอนาคต ประกอบกับการ ถือหุ้นในบริษัทลูกๆ โดยตรง เป็นการกระจายตัวของแหล่งรายได้ที่ดีขึ้นของ TCAP แต่เดิมแหล่งรายได้หลักของ TCAP มาจาก TBANK ประมาณ 80-90% แต่ภายหลังขายหุ้น TBANK และเข้าไปถือหุ้น TMB ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจธนาคารอยู่ที่ประมาณ 50-60% อีกประมาณ 30% มาจากบริษัทลูกอื่นๆ ประกอบด้วย THANI ธนชาตประกันภัย หลักทรัพย์ธนชาต และที่เหลือมาจากธุรกิจอื่นๆ เช่น MBK PRG และการบริหาร NPL และ NPA”
“จากที่เคยให้ข้อมูลว่าจากการปรับยุทธศาสตร์ดังกล่าว จะทำให้ TCAP มีเงินสดคงเหลือประมาณ 14,000 ล้านบาท คณะกรรมการจึงได้อนุมัติวิธีการบริหารเงินสดส่วนเกินดังกล่าว โดยจ่ายเงินปันผลพิเศษให้แก่ผู้ถือหุ้น TCAP ในอัตราหุ้นละ 4.00 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 4,583 ล้านบาท ซึ่งได้จ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2563 และจัดสรรไปซื้อหุ้นคืน ในวงเงินไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ซึ่งดำเนินการซื้อหุ้นคืนมาทั้งสิ้นเป็นจำนวน 4,863 ล้านบาท และแจ้งปิดโครงการแล้วเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2563 ทั้งนี้ เมื่อรวมกับรายการขายเงินลงทุนใน AJT จะทำให้ TCAP มีเงินสดคงเหลือกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งเรามีแผนที่จะลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่เรามีความเชี่ยวชาญ ทั้งธุรกิจการเงิน และธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างเหมาะสมและยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้น”
…………………………………………..