คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเห็นชอบให้ศึกษาเรื่องสุขภาพเชื่อมโยงกับการค้าระหว่างประเทศ พร้อมรับทราบผลการดำเนินงานและก้าวต่อไปของแผน‘รวมพลังพลเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้ภัยโควิด-19’ ที่สช. กับหลายหน่วยงานร่วมกันผลักดัน เน้นฟื้นฟูคุณภาพชีวิตประชาชนทั่วประเทศและแต่งตั้งนพ.มงคล ณ สงขลา เป็นประธานคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพ
15 พฤษภาคม 2563 ที่ห้องประชุมชัยนาทนเรนทร กระทรวงสาธารณสุข ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ว่าที่ประชุมเห็นชอบข้อเสนอเชิงนโยบายเรื่องการค้าระหว่างประเทศและสุขภาพ ที่เสนอให้มีการศึกษาเรื่องสุขภาพเชื่อมโยงไปกับเรื่องการค้าเพราะในอดีตการเจรจาการค้าต่างประเทศอาจมองมิติสุขภาพไม่มากนัก นอกจากนี้ยังเสนอให้การเจรจาการค้า มีเวทีให้ภาคการค้าและภาคสุขภาพได้ร่วมหารือกันเพื่อสร้างสมดุลในการกำหนดท่าทีของประเทศหรือภูมิภาค และมีกลไกการติดตามผลกระทบจากการค้าระหว่างประเทศ
“ข้อเสนอนี้เป็นผลมาการหารือร่วมกันของหลายฝ่ายทั้งภาคประชาชน ภาคเอกชน ภาครัฐ และภาควิชาการเมื่อปลายปี ๒๕๖๒ ผ่านเวทีประชุมวิชาการว่าด้วย‘การค้าระหว่างประเทศและสุขภาพของอาเซียน: แสวงจุดร่วมสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน’ เมื่อ คสช. เห็นชอบแล้วจะมอบให้สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ประสานการดำเนินการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” ดร.สาธิต ปิตุเตชะ กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าที่ประชุม คสช. ได้รับทราบความคืบหน้าและเห็นชอบตามข้อเสนอก้าวต่อไปของการดำเนินงานตามแผนรวมพลังพลเมืองตื่นรู้ ช่วยชาติสู้ภัยโควิด-19 ซึ่งสช. ร่วมกับหน่วยงานด้านสุขภาพ สังคม ปกครองและคณะสงฆ์รวม ๒๐ หน่วยงานและเครือข่ายองค์กรประชาชน อาสาสมัครในพื้นที่ ขับเคลื่อนงานป้องกันการแพร่ระบาดและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่จนเกิดเป็นมาตรการต่างๆ ในรูปแบบข้อตกลงร่วมหรือธรรมนูญประชาชนช่วยชาติสู้ภัยโควิด-19 ของทุกตำบลชุมชนหมู่บ้านและกองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพื้นที่ได้สนับสนุนงบประมาณไปแล้วกว่า 3,600 โครงการทั่วประเทศ
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการ คสช. กล่าวต่อว่า“ภาคประชาสังคม อาสาสมัคร และพระภิกษุสงฆ์ มีบทบาทสำคัญมากในการขับเคลื่อนให้เกิดมาตรการของประชาชนเพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 และฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ช่วยเสริมมาตรการต่างๆ ของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น”
นพ.ปรีดา แต้อารักษ์ รองเลขาธิการ คสช. กล่าวว่า หลังผ่านพ้นช่วงวิกฤตก็จะเป็นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระยะฟื้นฟู ในการขับเคลื่อนระยะต่อไปจึงจะเน้นการขับเคลื่อนในระดับจังหวัดด้วยนอกเหนือจากที่เน้นการทำงานระดับตำบล โดยสมัชชาสุขภาพจังหวัดสามารถเป็นเวทีกลางของเครือข่ายในการหารือประเด็นต่างๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมและเป็นประโยชน์ในระยะยาว นอกจากนี้ยังจะมีการประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มากขึ้น เพื่อนำประเด็นต่างๆ ในธรรมนูญตำบลไปวางเป็นกรอบนโยบายและกรอบงบประมาณของพื้นที่นั้นๆ ท้ายที่สุดจะมีการบันทึกเหตุการณ์และถอดบทเรียนของภาคประชาชน อสม.ด้วย
เลขาธิการ คสช. เปิดเผยต่อว่าที่ประชุม คสช. ยังได้มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นพ.มงคล ณ สงขลา เป็นประธานคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพ ร่วมกับกรรมการจากหน่วยงานและผู้ทรงคุณวุฒิอีก 20 คน มีวาระการทำงาน 4 ปี เพื่อประสานร่างแผนพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ระยะ 10 ปี (พ.ศ.2561-2570) ที่ คสช. ชุดที่แล้ว เคยให้ความเห็นชอบและอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและมอบให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
…………………………………………………..