แม้วิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยอย่างมหาศาล แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้เห็นว่า ทั้งภาครัฐและเอกชนต่างร่วมมือร่วมใจกันระดมความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ครั้งนี้อย่างเต็มกำลัง
ดังเช่น “มูลนิธิโอสถานุเคราะห์” ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2531 โดยสมาชิกตระกูลโอสถานุเคราะห์ที่ตั้งใจสานต่อเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษในการบรรเทาปัญหาสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือสังคมและสนับสนุนกิจการอันเป็นประโยชน์ของชาติ ก็ได้สนองพันธกิจของมูลนิธิ ด้วยการตอบรับคำขอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำหนังสือขอความช่วยเหลือแนวทางการแก้ปัญหาโควิด-19 จาก 20 มหาเศรษฐีไทย อันมีตระกูลโอสถานุเคราะห์เป็นหนึ่งในนั้น
มูลนิธิโอสถานุเคราะห์ ภายใต้ความร่วมมือกันของสมาชิกตระกูลโอสถานุเคราะห์ ทั้งสายตรงและที่สมรสกับสายสกุลอื่น จึงได้ตกลงจัดสรรงบประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับจัดทำโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งรายละเอียดของโครงการจะมีการหารือภายในเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและแจ้งให้ทราบต่อไป
ที่ผ่านมา ทางมูลนิธิฯ ได้มีการบริจาคเงิน 10 ล้านบาท เพื่อสมทบทุนสนับสนุนการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 แก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และนอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจภายใต้ชื่อตระกูลโอสถานุเคราะห์ อันได้แก่ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนมาโดยตลอด นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งด้านการป้องกัน การรักษา การเยียวยา และการสร้างขวัญกำลังใจ รวมเป็นมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท อาทิ การแจกผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่ปฏิบัติภารกิจ การให้ความร่วมมือในการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อพื้นที่สาธารณะ การร่วมแจกอาหาร สิ่งของ และเครื่องดื่มให้แก่ประชาชนผู้เดือดร้อน รวมทั้งสนับสนุนทีมวิศวกรของโอสถสภาให้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลและสถาบันการศึกษาในการออกแบบและผลิตอุปกรณ์การแพทย์ และ ในส่วนของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้มีการสนับสนุนงบประมาณสำหรับช่วยเหลือ ดูแล นักศึกษา และบุคลากรของมหาวิทยาลัย ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งในด้านการเงินและสุขภาพ เช่น มาตรการผ่อนชำระค่าเทอม ทุนช่วยเหลือการศึกษา การทำประกันภัยคุ้มครองการติดเชื้อโควิด-19 ให้แก่นักศึกษาและบุคลากร เป็นต้น
ทั้งนี้ คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ ประธานคณะกรรมการบริหาร และ CEO บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) และ อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้แสดงความเห็นว่า การที่ประเทศชาติจะผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจไปได้นั้น รัฐบาลต้องมีนโยบายในการสร้างงาน และหาแนวทางแก้ไขปัญหา Micro Finance หรือ ระบบการเงินฐานราก อันจะช่วยให้ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศสามารถดูแลตัวเองและครอบครัวได้ในระยะยาว ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่อาจทำได้ตามลำพังโดยใครคน
ใดคนหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือกันของทั้งภาครัฐและเอกชนต่างๆ ซึ่ง มูลนิธิโอสถานุเคราะห์ และกลุ่มธุรกิจของตระกูลโอสถานุเคราะห์ก็ยินดีให้ความร่วมมือ
คุณเพชรกล่าวว่า “วิกฤตการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสที่จะทำให้ประชาชนชาวไทย ตลอดจนหน่วยงานทุกภาคส่วน ได้แสดงถึงพลังของความเข้าใจและความร่วมมือกันฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ โดยคนไทยทุกคนที่ให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะในรูปแบบของเงินบริจาค สิ่งของ หรือกำลังใจ หรือแม้แต่ผู้ที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามนโยบายป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ล้วนถือเป็นส่วนหนึ่งในการเสียสละช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพื่อให้ประเทศชาติสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้”
ในทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส เช่นเดียวกับวิกฤตครั้งนี้ที่ทำให้ทุกคนได้เรียนรู้ เติบโต และค้นพบศักยภาพของตนที่ซ่อนเร้นอยู่ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้คนไทยได้แสดงน้ำใจไมตรี และความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์