น้ำในอ่างฯเหลืออยู่น้อย วอนใช้สอยอย่างประหยัด

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำทั่วประเทศ ส่วนใหญ่ยังคงมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ในขณะที่ยังต้องส่งน้ำตามแผนการจัดสรรน้ำฤดูแล้งที่วางไว้ เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศ แม้ว่าในระยะนี้จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่ปริมาณน้ำที่ไหลลงอ่างฯ ยังมีไม่มากนัก วอนทุกฝ่ายช่วยกันประหยัดน้ำให้ถึงที่สุด

ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั่วประเทศว่า ปัจจุบัน(23 เม.ย. 63) มีปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันประมาณ 34,368 ล้าน ลบ.ม.   คิดเป็นร้อยละ 48 ของความจุอ่างฯ เป็นน้ำใช้การได้ประมาณ 11,056 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 8,779 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 2,083 ล้าน ลบ.ม. ด้านผลการจัดสรรน้ำฤดูแล้งทั้งประเทศ ปัจจุบัน (23 เม.ย. 63) มีการใช้น้ำไปแล้ว 16,412 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 93 ของแผนจัดสรรน้ำฯ เฉพาะในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการใช้น้ำไปแล้ว 4,415 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 98 ของแผนจัดสรรน้ำฯที่วางไว้

ในส่วนของอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำใช้การได้น้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่าง ปัจจุบันมีอยู่ 25 แห่ง ได้แก่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก, เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์, เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่, เขื่อนกิ่วคอหมา เขื่อนแม่มอก จ.ลำปาง, เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก, เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี, เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ, เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น, เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแชะ จ.นครราชสีมา, เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์, เขื่อนสิริธร จ.อุบลราชธานี, เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี, เขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี, เขื่อนกระเสียว            จ.สุพรรณบุรี, เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี, เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก, เขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา, เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี, เขื่อนหนองปลาไหล และเขื่อนประแสร์ จ.ระยอง เน้นส่งน้ำเฉพาะการอุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศเท่านั้น

สำหรับการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2563 ได้วางแผนเพาะปลูกข้าวนาปรังทั้งประเทศไว้ 2.31 ล้านไร่ ปัจจุบัน(ข้อมูล ณ วันที่ 22 เม.ย. 63)มีการทำนาปรังไปแล้ว 4.21 ล้านไร่ เกินแผนฯไปแล้วร้อยละ 82 มีการเก็บเกี่ยวแล้ว 2.79 ล้านไร่ เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาไม่มีแผนการเพาะปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากปริมาณน้ำต้นทุน มีไม่เพียงพอที่จะสนับสนุน แต่จากการสำรวจพบว่ามีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 1.98 ล้านไร่ เก็บเกี่ยวแล้ว 1.81 ล้านไร่ ส่วนใหญ่ใช้น้ำจาก  แหล่งน้ำธรรมชาติในพื้นที่ของตนเองทำการเพาะปลูก

กรมชลประทาน ได้ให้โครงการชลประทานทุกพื้นที่ บริหารจัดการน้ำในแต่ละพื้นที่ให้เป็นไปตามแผนการจัดสรรน้ำที่วางไว้ พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ ให้สามารถพร้อมใช้งานได้อยู่เสมอ กำจัดวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำ รวมถึงตรวจสอบระบบและอาคารชลประทาน ให้สามารถรองรับสถานการณ์น้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ยังบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานในท้องที่ ประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำและการดำเนินงานตามสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น ให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง

ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

23 เมษายน 2563