นางลลิดา จิวะนันทประวัติ รองโฆษกกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติการกรณีสินค้าอุปโภคบริโภคและเวชภัณฑ์ ของกระทรวงพาณิชย์ว่า ณ วันที่ 18 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ เพิ่ม 2 ราย ในกรุงเทพฯ เป็นแผงจำหน่ายหน้ากากอนามัย 1 ราย พบจำหน่ายหน้ากากอนามัยชนิดผ้าหนา 3 ชั้น ีวาว มีช่องเปลี่ยนไส้กรอง ในราคาชิ้นละ 85 – 100 บาท และหน้ากากอนามัยชนิดผ้าลายแฟนซี ในราคา ชิ้นละ 50 – 89 บาท อีก 1 ราย เป็นแผงจำหน่ายชาไข่มุกจำหน่ายเจลล้างมือแอลกอฮอล์ ขนาด 300 มล. ในราคา ขวดละ 230 บาท นอกจากนี้ยังพบการจำหน่ายสเปรย์แอลกอฮอล์ 75% ขนาด 100 มล. ในราคา ขวดละ 119 บาท ด้วย ทั้ง 2 ราย กระทำความผิดข้อหาจำหน่ายหน้ากากอนามัยอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ โดยไม่ปิดป้ายแสดงราคาจำหน่าย ตามมาตรา 28 ส่วนในต่างจังหวัดไม่พบรายงาน การจับกุมเพิ่ม
โดยสถิติการจับกุมผู้กระทำความผิดกรณีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ มียอดรวมเพิ่มขึ้นเป็น 363 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 165 ราย และต่างจังหวัด 198 ราย
ทั้งนี้ โทษที่ผู้กระทำความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ข้อหาขายเกินราคาควบคุม มาตรา 25 (1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อหาไม่แจ้งต้นทุนราคาซื้อ ราคาจำหน่าย ปริมาณการผลิต ปริมาณคงเหลือ ตามมาตรา 25 (5) มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับไม่เกินวันละ 2,000 บาท ตลอดเวลาที่ฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะแจ้ง มาตรา 26 ข้อหาเป็นผู้ผลิตไม่แจ้งชื่อ ราคาซื้อ ราคาจำหน่าย มาตรา 28 ข้อหาไม่ปิดป้าย แสดงราคาขาย มีอัตราโทษปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท และมาตรา 29 ข้อหาขายแพงเกินสมควรมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางลลิดากล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงพาณิชย์ยืนยัน จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด และจริงจัง กับผู้กระทำความผิดทุกราย ไม่มียกเว้นรายเล็ก หรือรายใหญ่ หากพบมีการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที เตือนประชาชนอย่ากักตุนสินค้า หรือค้ากำไรเกินควร ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และแอลกอฮอล์ รวมถึงสินค้าจำเป็นอื่น ๆ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด – 19 ซึ่งถือเป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน “หากผู้บริโภคพบเห็นการกักตุนหรือค้ากำไรเกินควร สามารถร้องเรียนได้ทันทีที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569และ ในต่างจังหวัดร้องเรียนได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด”นางลลิดากล่าว
——————————-
19 เมษายน 2563