กระทรวงสาธารณสุข เผยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ป่วยโควิด-19 ร้อยละ 56 เป็นการติดเชื้อในครอบครัว กระตุ้นประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ให้เว้นระยะห่างภายในบ้าน สวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้สงกรานต์นี้เป็นเทศกาลที่ช่วยลดการระบาดของโรค
วันที่ 11 เมษายน2563 ที่ศูนย์ปฏิบัติการด้านข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นายแพทย์อนุพงศ์ สุจริยากุล นายแพทย์ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวถึง สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ขอบคุณคนไทยที่ให้ความร่วมมือกับมาตรการภาครัฐทำให้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อย่าชะล่าใจยังคงเข้มมาตรการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จะมีการพบปะเพื่อน ญาติผู้ใหญ่ เพื่อขอพร ขอให้เข้มงวดการเว้นระยะห่างระหว่างกัน รวมทั้งการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อให้เป็นเทศกาลที่ช่วยลดการระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมควบคุมโรค พบว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 4-10 เมษายน 2563 ) พบผู้ป่วย 495 ราย ในจำนวนนี้ 144 รายเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยร้อยละ 56 เป็นการสัมผัสใกล้ชิดคนในครอบครัว รองลงมาสัมผัสกับเพื่อนร่วมงาน/ผู้มารับบริการร้อยละ 23 ส่วนการสัมผัสจากการพบปะเพื่อนฝูง/คนรู้จักพบร้อยละ18 และการสัมผัสร่วมยานพาหนะ/ในชุมชน พบร้อยละ 3 จากข้อมูลข้างต้นการรักษาระยะห่างระหว่างกันของผู้ใกล้ชิดและคนในครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญเพื่อลดการติดเชื้อจากการสัมผัส
ด้านนายแพทย์บัญชา ค้าของ รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้สำรวจการปฏิบัติตามมาตรการ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” จำนวน 1,709 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เข้าใจดีทำตามมาตรการ โดยถามว่าเมื่อวานได้ออกไปนอกบ้านหรือไม่ ร้อยละ 50 ยังต้องออกนอกบ้าน เพื่อทำงาน ทำกิจธุระที่จำเป็นและพบแพทย์, ร้อยละ 38 อยู่บ้านไม่มีคนมาหา, ร้อยละ 12 อยู่บ้านแต่ยังมีคนมาหา ส่วนแนวทางการป้องกันตนเองเมื่ออยู่บ้านและออกไปนอกบ้าน ด้วยการล้างมือหรือใช้แอลกอฮอล์เจลถึงร้อยละ 84.3, สวมใส่หน้ากากอนามัยหน้ากากผ้าร้อยละ 76.7, ระวังไม่เอามือจับหน้า จมูก ปาก ร้อยละ 59.2 และเว้นระยะห่าง 1-2 เมตร ร้อยละ 58.8
สำหรับในช่วงสงกรานต์ มาตรการที่ทุกคนควรปฏิบัติร่วมกัน คือการขอพรต้องเว้นระยะห่างในการไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ เพราะกลุ่มผู้สูงอายุถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ และหากอยู่ไกลกันก็ขอให้ใช้การอวยพรทางโทรศัพท์หรือออนไลน์เพื่อร่วมกันลดการแพร่กระจายของเชื้อให้ต่ำลงต่อไปให้ได้
ด้านนายแพทย์วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้หลายจังหวัดได้มีมาตรการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นับว่าเป็นช่วงเวลาดีที่ประชาชนจะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ออกไปตั้งวงสังสรรค์ตามมาตรการเว้นระยะห่างของรัฐบาล ข้อดีคือช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม ในผู้ติดสุรา การเลิกดื่มแบบกะทันหัน เสี่ยงเกิดอันตรายต่อชีวิต โดย 24 -72 ชั่วโมงแรก จะมีอาการมือสั่น ใจสั่น เวียนหัว นอนไม่หลับ คลื่นไส้ อาเจียน มีอาการชักและเสียชีวิตได้
ดังนั้น ขอแนะนำให้ผู้ที่ติดสุรา หากต้องการเลิกดื่ม ให้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อวางแผนการใช้ยาทดแทน หรือโทรปรึกษาสายด่วนเลิกเหล้า 1413