“ป่าไม้ ลั่นผู้ก่อเหตุเผาป่าต้องถูกดำเนินคดีถึงที่สุด หลังประชาชนจิตอาสาเข้าช่วยดับไฟป่าเสียชีวิต 4 ราย”

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เฝ้าระวังติดตามและเข้าปฏิบัติงานในการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคเหนือตอนเหนือตอนบน (เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา) ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบกับประชาชนในเรื่องของปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก pm 2.5 และปัญหาผลประทบที่จะเกิดขึ้นต่อสภาพสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน(ส่วนหน้า) โดยมีรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายพงศ์บุญย์ ปองทอง) ทำหน้าที่ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฯ ในการบัญชาการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือ

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยถึงสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ จ.เชียงราย โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการป้องกันไฟป่า ชุดปฏิบัติการพิเศษเหยี่ยวไฟ กรมป่าไม้ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้รายงานสถานการณ์ในพื้นที่ดอยจระเข้ อำเภอแม่จัน จ.เชียงราย กรมป่าไม้ ตรวจสอบพบจุดความร้อน (Hot Spot) จำนวน 171 จุด จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ให้เร่งดำเนินการในควบคุมสถานการณ์โดยการรวบรวมสรรพกำลังจำนวนกว่า 80 นาย ซึ่งเป็นชุดเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการดับไฟป่าจากหน่วยต่าง ๆ ของทางภาคเหนือ และยังได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา เข้าระงับเหตุในพื้นที่ สำหรับการปฏิบัติการในการเข้าควบคุมสถานการณ์ไฟป่าในพื้นที่ดอยจระเข้ ครั้งนี้ ต้องใช้ปฏิบัติการทางอากาศ ด้วยลักษณะของพื้นที่เป็นพื้นที่เขามีความลาดชันการเข้าควบคุมสถานการณ์โดยการเดินเท้าเข้าพื้นที่จึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก จึงต้องใช้ชุดปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์ในการทิ้งน้ำลงบนพื้นที่เกิดเหตุกว่า 40 เที่ยว จึงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในวงจำกัด และมีเจ้าหน้าที่ภาคพื้นเข้าไปในพื้นที่เพื่อทำแนวกันไฟในการป้องกันไม่ให้ไฟป่าขยายวงกว้างขึ้น และจัดชุดกำลังเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเฝ้าระวังในบริเวณสถานที่ดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก พร้อมทั้งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งหาผู้กระทำผิด มาดำเนินคดี และหากได้ตัวผู้กระทำผิดให้เร่งส่งฟ้อง พร้อมดำเนินคดีทันที

 

 

นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวถึง ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการเกิดไฟป่า นอกจากจะส่งผลกับพื้นที่ป่าไม้แล้ว ยังส่งผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม และยังเกิดความสูญเสียถึงชีวิตกับประชาชนจิตอาสาที่เข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ในการดับไฟป่าในหลายพื้นที่ จึงต้องขอยกย่องเชิดชูเกียรติให้กับความเสียสละในการเป็นจิตอาสาเข้าร่วมดับไฟป่าของประชาชนทั้ง 4 ราย ได้แก่ พลทหารปิยพันธ์ แสนสุข เป็นอาสาสมัครในการดับไฟป่า สังกัดกองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 17 ค่ายขุนเจืองธรรมิกราช ที่ประสบอุบัติเหตุตัวเกี่ยวติดกับลวดหนามของเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ป้องกันฐานในขณะที่เข้าทำการดับไฟป่า ส่งผลให้ไฟป่าลุกลามคลอกจนเสียชีวิต ในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ปายฝั่งขวา อ. ปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน รายที่ 2 นายนิพนธ์ จาระธรรม (พ่อหลวงแดง) ผู้ใหญ่บ้านตำบลแม่แฝกใหม่ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากไฟคลอกในที่เกิดเหตุและภายหลังได้เสียชีวิต ขณะเข้าดับไฟในพื้นที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ รายที่ 3 นางต๊ะนี กิจเจริญพัฒน์ ที่เสียชีวิตในขณะเข้าไปสบทบช่วยเจ้าหน้าที่ในการดับไฟ ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าจอมทอง บริเวณหย่อมบ้านขยัน จนถูกไฟคลอกเสียชีวิต และรายที่4 นายเงิน นาหยิ ประชาชนจิตอาสา ที่เข้าไปร่วมดับไฟพร้อมชุดเจ้าหน้าที่ดับไฟป่า ซึ่งเกิดลมกรรโชกแรงลมเปลี่ยนทิศทาง ทำให้เสียชีวิตในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าน้ำแม่คำ-ป่าน้ำแม่สลองและป่าน้ำแม่จันฝั่งซ้าย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

โฆษกกรมป่าไม้ ฝากทิ้งท้าย ในสถานการณ์ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาหลายด้านที่ต้องดำเนินการรับมือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด19 สถานการณ์ปัญหาภัยแล้ง จึงขอความร่วมมือให้ ผู้ที่เข้าไปเก็บหาของป่าหยุดก่อเหตุในการจุดไฟเผาป่า หรือเพื่อหวังผลในการยึดถือครอบครองพื้นที่เพื่อทำการเกษตร เพราะเพียงแค่ 1 คนเผา หน่วยงานภาครัฐต้องใช้สรรพกำลังเจ้าหน้าที่ ร่วมกับประชาชนจิตอาสา เข้าระงับเหตุจำนวนมากมาย ในการเข้าควบคุมสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ พื้นที่ป่าเกิดความเสียหายหลายร้อยหลายพันไร่ เสียงบประมาณมากมาย บางครั้งบาดเจ็บ บางครั้งสูญเสียชีวิต จึงขอประณามผู้ที่ก่อเหตุ หากตรวจพบการกระทำผิด กรมป่าไม้จะดำเนินคดีตามกฎหมายให้ถึงที่สุด