นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ส่งผลต่อการกระจายผลผลิตทางการเกษตร จึงมีแนวคิดให้สหกรณ์การเกษตรในแต่ละจังหวัดเป็นแหล่งผลิตและกระจายผัก ผลไม้ สำหรับบริโภคในพื้นที่ เนื่องจากหากแต่ละจังหวัดเริ่มมีการเคอร์ฟิว อาจส่งผลต่อการหาหาซื้อสินค้าไว้บริโภคประจำวันได้ ดังนั้น หากแต่ละจังหวัดมีผลผลิตในพื้นที่เองก็จะทำให้บรรเทาความเดือดร้อนลง
“ต้องการให้แต่ละจังหวัดมีแหล่งผลิตของตนเอง เป็นธนาคารอาหาร เป็นความมั่นคงด้านอาหารในพื้นที่ ซึ่งที่ผ่านมาได้พัฒนาเกาะเทโพ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกผักใช้สารเคมีมาก่อน ต่อมาได้พัฒนาให้เป็นอินทรีย์ เพื่อส่งออกปัจจุบันผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด เมื่อมีสถานการณ์นี้ก็จะใช้เป็นแหล่งผักที่อุทัยธานี ส่งให้วัดท่าซุงเพื่อเป็นโรงทาน และจัดพื้นที่จำหน่ายแล้ว ทางวัดท่าซุงจะช่วยในเรื่องเมล็ดพันธุ์ผัก เพื่อลดต้นทุนให้สมาชิก จากแนวคิดนี้ ก็จะส่งเสริมให้แต่ละจังหวัดหันกลับไปทำเพื่อให้คนในจังหวัดมีผัก ผลไม้ดีรับประทาน เพื่อต่อสู้โรคโควิด 19 เพราะจะช่วยลดเบาหวานทำให้เสี่ยงโควิด 19 น้อยลง” นางสาวมนัญญากล่าว
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กล่าวว่า เบื้องต้นมี10 จังหวัดที่พร้อมดำเนินการได้ทันที เพราะมีการผลิตผักเพื่อจำหน่าย เช่น อุทัยธานี กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ลำปาง เพชรบุรี เพชรบูรณ์ เป็นต้น ซึ่งผักปลูกระยะสั้น 45 วันมีผลผลิตออกมาก็จะช่วยเติมเต็มในระบบตลาดในพื้นที่นั้น ๆ ได้ ซึ่งกรมจะช่วยเหลือในเรื่องการลดต้นทุนการผลิต เช่น เมล็ดพันธุ์ และจะเชื่อมโยงระหว่างสหกรณ์ บ้าน และวัด เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เป็นสำคัญ