รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ชี้เอฟทีเอช่วยได้จริง ดันส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไทยไปนิวซีแลนด์โตเกือบ 400% สั่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งให้ข้อมูลช่องทางใช้เอฟทีเอช่วยเกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกในช่วงโควิด-19
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยและประเทศต่างๆ กำลังเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจ จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จึงได้สั่งการให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งวิเคราะห์ข้อมูลโอกาสขยายตลาดส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังประเทศที่มีความต้องการ ในฐานะที่ไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญของโลก และได้รับรายงานว่าไทยได้ใช้ประโยชน์จากเอฟทีเออาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และไทย-นิวซีแลนด์ มากขึ้น ส่งผลให้ช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มียอดส่งออกมันสำปะหลังไปนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นด้วย จึงอยากกระตุ้นให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอดังกล่าวมากขึ้น สร้างโอกาสขยายส่งออก เพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เสริมว่า กรมฯ ได้เร่งศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลโอกาสในการขยายการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยในปี 2563 ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตของโควิด-19 โดยเบื้องต้นพบว่า ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2563 ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังไปนิวซีแลนด์ มีมูลค่า 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 392.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยส่วนใหญ่เป็นกากและมันสำปะหลังอื่นๆ สัดส่วนร้อยละ 80 รองลงมาเป็นเด๊กตริน/โมดิไฟด์สตาร์ชอื่นๆ สัดส่วนร้อยละ 13.2 สตาร์ชทำจากมันสำปะหลัง แป้งมันสำปะหลัง และสาคูทำจากแป้งมันสำปะหลัง ตามลำดับ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากนิวซีแลนด์มีความต้องการนำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น โดยในปี 2562 อุตสาหกรรมโคนมนิวซีแลนด์เติบโตขึ้น มีมูลค่าสูงถึง 10,411.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 5.18
นางอรมน เพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไทยและนิวซีแลนด์มีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ลงนามร่วมกัน 2 ฉบับ คือ อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และไทย-นิวซีแลนด์ (TNZCEP) ซึ่งภายใต้เอฟทีเอดังกล่าว นิวซีแลนด์ได้ยกเลิกการเก็บภาษีศุลกากรกับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่ส่งออกจากไทยแล้ว ทำให้ไทยมีแต้มต่อทั้งในด้านราคาและคุณภาพที่จะแข่งขันกับประเทศอื่นได้ อย่างไรก็ดี ไทยยังมีคู่แข่งสำคัญจากประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ที่มีเอฟทีเอกับนิวซีแลนด์เช่นกัน ดังนั้นผู้ประกอบการจึงต้องเร่งปรับตัว เพิ่มศักยภาพและมาตรฐานสินค้าให้ตรงตามความต้องการตลาด ตลอดจนรักษาคุณภาพสินค้า ทั้งกระบวนการแปรรูป การเก็บรักษา ความสะอาดในการขนส่งให้ได้มาตรฐานสุขอนามัย เพื่อช่วยให้ไทยสามารถขยายตลาดผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังและเพิ่มยอดการส่งออกในช่วงวิกฤตนี้ได้
ทั้งนี้ ในปี 2562 ไทยเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก มูลค่า 2,606.1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีตลาดสำคัญ คือ จีน สัดส่วนร้อยละ 52.2 ญี่ปุ่น สัดส่วนร้อยละ 10.9 อินโดนีเซีย สัดส่วนร้อยละ 7.6 ไต้หวัน สัดส่วนร้อยละ 5.2 และสหรัฐฯ สัดส่วนร้อยละ 3.6 ขณะที่นิวซีแลนด์เป็นตลาดสำคัญอันดับที่ 16 ของไทย ถือเป็นตลาดใหม่ที่ไทยมีแนวโน้มส่งออกได้เพิ่มขึ้น โดยในเดือนมกราคม 2563 นิวซีแลนด์นำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังจากไทย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 88.5 ของการนำเข้าจากโลก รองลงมานำเข้าจากออสเตรเลีย สหรัฐฯ และญี่ปุ่น
—————————
กระทรวงพาณิชย์
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
2 เมษายน 2563