ในแต่ละวันเราไม่ได้ใส่ใจดูแลการรับประทานอาหาร เราก็ไม่รู้ว่ามีอะไรสะสมอยู่ในลำไส้ของเราบ้าง หากเราได้กำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไปก็จะทำให้ลำไส้มีประสิทธิภาพการดูดซึมอาหารหรือยาต่างๆ ดีขึ้น เพราะการอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษมาก สารพิษก็สะสมอยู่ในตัว การกินยาหลายขนานเป็นประจำ ผลข้างเคียงจากยาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นพิษอยู่ในตัวเรา โดยเฉพาะคนที่เคยกินอาหารผัดน้ำมัน หรือของที่ทอดน้ำมันบ่อยๆ หรือทุกวัน ควรจะต้องล้างลำไส้เพื่อให้ระบบดูดซึมทำงานได้ดีขึ้น
อะไรคือการดีท็อกซ์ลำไส้
การดีท็อกซ์ลำไส้เป็นการทำความสะอาดลำไส้ และกำจัดสิ่งสกปรก อย่างเช่น ของเสีย กากอาหาร และสารพิษที่ค้างอยู่ในลำไส้ให้ออกมาจากร่างกาย เพราะการขับถ่ายธรรมดานั้นไม่สามารถขับสิ่งเหล่านี้ออกมาได้หมด ยิ่งรับประทานมามากก็ยิ่งมีโอกาสติดค้างอยู่ในลำไส้ได้มากขึ้น อาหารจำพวกเนื้อจะจับตัวกัน เกาะติดที่ผนังลำไส้ ทำให้ร่างกายขับถ่ายได้ลำบาก เกิดอาการท้องผูก เมื่อสิ่งตกค้างเหล่านี้บูดเน่าจะกลายเป็นสารพิษ ทำให้เกิดโรคต่างๆ อย่างเช่น ท้องผูก ท้องอืด ผายลมบ่อย อาหารไม่ย่อย ลำไส้อักเสบ ลมหายใจมีกลิ่นลมพิษ ภูมิแพ้ หอบหืดการดีท็อกซ์ลำไส้ จะเป็นการช่วยทำความสะอาดลำไส้ลดการเกิดโรคต่าง ๆ ทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมากขึ้น เพราะการดีท็อกซ์ลำไส้ ส่งผลต่ออวัยวะอื่น ๆ อย่างเช่น ตับ ถุงน้ำดี ต่อม น้ำเหลือง ให้ทำงานได้ดีขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้มีความแข็งแรง และทำงานได้อย่างเป็นปกติ
ประโยชน์ของการดีท็อกซ์ลำไส้
- ช่วยในการทำความสะอาดลำไส้ เพราะอุจจาระที่ตกค้าง จะมีแบคทีเรีย ที่เป็นโทษต่อร่างกาย ซึ่งการดีท็อกซ์ลำไส้ จะทำให้สารพิษเหล่านี้ถูกชะล้างออกไป ลดการสะสมของสารพิษ ทำให้ลำไส้ทำงานได้เป็นปกติ
- เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส้ เพราะของเสียที่ตกค้าง จะทำให้ลำไส้อ่อนแอ ทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การดีท็อกซ์ลำไส้จะทำให้ ลำไส้ทำงานได้ดีมากขึ้น กำจัดของเสียได้สมบูรณ์มากขึ้น
- ทำให้ลำไส้มีขนาดที่เป็นปกติ เนื่องจากลำไส้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้าง เมื่อ ทำงานอย่า งผิดปกติ ซึ่งการ ดีท็อกซ์ลำไส้ จะทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้อย่างเป็นปกติ ลดอาการบวม โป่งพองของลำไส้
- ทำให้อวัยวะอื่นๆ ทำงานได้อย่างเป็นปกติ อย่างเช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง รวมถึงการหมุนเวียนของเลือด
- ทำให้ร่างกายมีความสดชื่น ร่างกายจะดูดซึมน้ำเข้าสู่เซลล์ได้ดี ยิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายสดชื่น จากเดิมที่ถูกปิดกั้นด้วยเมือกที่เกาะที่ผนังลำไส้
เรามีวิธีการดีท็อกซ์ลำไส้ตามแบบไทยๆ มานำเสนอ นั่นคือการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยสมุนไพร แบบ “ยาระบายทำความสะอาด ลำไส้” โดยมีสมุนไพรที่นำมาประกอบนั้นมีอยู่ 2 ส่วน คือ
- สมุนไพรที่มีรสเปรี้ยว ประกอบด้วย สมอไทย สมอพิเภก มะขาม ป้อม ใบมะขามแขก ฝักคูณ เทียนขาว ดีปลี มะขามเปียก ซึ่งทำให้ลำไส้เกิดการบีบรัด เคลื่อนตัว และช่วยให้เกิดการขับถ่ายที่สะดวก และ
- สมุนไพรรสเผ็ดร้อน เพื่อเป็นการขับลม คือ พริกไทยดำ ขิง แห้ง ขมิ้นชัน เพื่อปรับสมดุลหลังจากการขับถ่ายและขับเมือกต่างๆ จากลำไส้
วิธีทำ
เอาสมุนไพรทั้งหมดมาใส่ในถุงผ้าห่อก่อนเอาลงไปในหม้อต้มที่เป็นหม้อดินหรือหม้อแสตนเลส แต่ไม่ใช่หม้ออลูมิเนียม แล้วใส่น้ำลงไป 3 ลิตร ต้มด้วยอุณหภูมิคงที่ เคี่ยวให้เหลือ 1 ลิตร สามารถรับประทานเป็นแบบน้ำก็ได้เลย
วิธีรับประทาน
ถ้าเป็นคนที่ขับถ่ายปกติ ให้รับประทาน ครั้งละ 2-3 ช้อนโต๊ะ แต่สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ท้องผูกให้รับประทาน 1 ถ้วยชา หรือประมาณ 150 มิลลิลิตร โดยรับประทาน ก่อนนอน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่สำหรับผู้เริ่มต้นให้รับประทานติดต่อกัน 3 วัน จากนั้นให้เว้นระยะห่างเป็นสัปดาห์ละ 1 ครั้ง แต่เมื่อเป็นน้ำจะมีกลิ่นเหม็นตามธรรมชาติของสมุนไพร ซึ่ง หากใครสามารถรับประทานแบบน้ำได้ก็ใช้ได้เลย แต่หากใครทีทนกลิ่นเหม็นไม่ได้ ก็แปรรูปเป็นเม็ดลูกกลอน โดยผสมกับผงสมุนไพร เช่น ตีผลา ยอ มะขามป้อม ผสมน้ำผึ้ง แล้วปั้นเป็นลูกกลอน วิธีรับประทาน ถ้าเป็นคนขับถ่ายปกติอยู่แล้วแนะนำ ให้รับประทาน 2-3 เม็ดก่อนนอน แต่ถ้ามีปัญหาเรื่องขับถ่าย ให้รับ ประทาน 4-5 เม็ดก่อนนอน สัปดาห์ละ 1 ครั้งเช่นเดียวกัน
การเก็บรักษา
หากเป็นแบบน้ำใส่ขวดแช่เย็น สามารถอยู่ได้ 1 เดือน แต่ถ้าเป็นลูกกลอน จะอยู่ได้ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้การล้างลำไส้ด้วยสมุนไพรนี้ จะไม่ใช่การใช้เพื่อทดแทนยาระบาย เป็นการขับถ่ายธรรมดา เพียงแต่จะกระตุ้นการทำงานของลำไส้สามารถขับของเสียที่ติดค้างในลำใส้ออกมาได้ ทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ ของเสียที่ติดค้างหรือเมือกต่างๆ ในลำไส้จะถูกขับถ่ายออกมา ที่สำคัญไม่เป็นการทำลายแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ อีกทั้งยังเป็นการปรับสมดุลของร่างกาย ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่ง่าย ประหยัดไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อดีท็อกซ์ลำไส้ตามที่โฆษณาแต่อย่างใด
เพียงเท่านี้วิธีการดีท็อกซ์ลำไส้เพื่อสุขภาพที่ดีก็ไม่ใช่วิธีการที่ยุ่งยากหรือต้องจ่ายจำนวนมาก ลองนำไปใช้และเผยแพร่ไปสู่คนรู้จักให้คนอื่นได้มีสุขภาพลำไส้ที่ดี อันจะส่งผ่านไปยังสุขภาพ ในภาพรวมที่ดีขึ้นได้ด้วย …