การเคหะแห่งชาติเร่งปิดโครงการบ้านเอื้ออาทรให้แล้วเสร็จภายในปี 2563 โดยโครงการบ้านเอื้ออาทรจังหวัดสมุทรสงคราม (บางแก้ว) ระยะที่ 2 เป็นโครงการฯ ล่าสุด ก่อสร้างเสร็จเร็วกว่าแผน 4 เดือน พร้อมพัฒนาบุคลากรให้มีความเชี่ยวชาญงานด้านก่อสร้างมากขึ้น
นายนพดล ว่องเวียงจันทร์ รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า การดำเนินงานด้านการก่อสร้างของการเคหะแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพงานก่อสร้างเป็นสำคัญ โดยจัดให้มีการอบรมให้ความรู้กับผู้ควบคุมงานและผู้ตรวจรับงาน ให้ความสำคัญกับกรรมวิธีการก่อสร้าง ลำดับขั้นตอนการทำงานจนถึงการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการบูรณาการทำงานงานให้มีประสิทธิภาพและเสร็จตามแผนที่กำหนด รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ด้านการออกแบบและก่อสร้าง ด้วยการนำเทคโนโลยีการออกแบบระบบ 3 มิติ หรือ BIM (Building Information Modeling) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดข้อผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นหน้างานให้น้อยที่สุด ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากงานก่อสร้าง ช่วยทำให้งานออกแบบก่อสร้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีแผนการดำเนินงานที่จะอบรมพนักงานให้มีความรู้ ความชำนาญในระบบอุตสาหกรรมการก่อสร้างแทนการก่อสร้างรูปแบบเดิม (ก่ออิฐ ฉาบปูน) มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการก่อสร้างในระบบอุตสาหกรรมจะช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างให้สั้นลง ลดจำนวนแรงงานที่ปัจจุบันประสบปัญหาขาดแรงงานและหาแรงงานที่มีฝีมือดีได้ยาก และสามารถควบคุมคุณภาพงานก่อสร้างได้ดีขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้รับผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ และบริการที่รวดเร็ว
โดยในปี 2563 นี้ การเคหะแห่งชาติมีแผนดำเนินการก่อสร้าง จำนวน 5,262 หน่วย แบ่งออกเป็น โครงการเคหะชุมชนและบริการชุมชน 4,448 หน่วย โครงการอาคารเช่า 224 หน่วย และโครงการบ้านเอื้ออาทร 590 หน่วย ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะเร่งดำเนินการก่อสร้างโครงการบ้านเอื้ออาทรให้แล้วเสร็จทุกโครงการ เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้เป็นเจ้าของบ้านในราคาที่จับต้องได้ ทั้งยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ โครงการบ้านเอื้ออาทรสมุทรสงคราม (บางแก้ว) ระยะที่ 2 เป็นหนึ่งในโครงการบ้านเอื้ออาทรที่อยู่ในแผนดำเนินการก่อสร้างปี 2563 ตั้งอยู่บริเวณถนนธนบุรี-ปากท่อ ตำบลบางแก้ว อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม จัดสร้างเป็นบ้านแฝด 2 ชั้น ขนาดพื้นที่ 21 ตารางวา จำนวน 260 หน่วย ดำเนินการก่อสร้างโดยบริษัท จินนาภา จำกัด ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างของการดำเนินงานที่ดี เนื่องจากก่อสร้างเสร็จเร็วกว่าแผนงานที่กำหนดถึง 4 เดือน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ของแผนงานทั้งหมด โดยกำหนดระยะเวลาในสัญญามีกำหนด 14 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เมษายน 2562 – 15 มิถุนายน 2563 แต่สามารถดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 และจะดำเนินการขอเอกสารสิทธิ์ได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 นี้
นอกจากนี้โครงการดังกล่าวได้เปิดให้ยื่นเอกสารเพื่อขอสินเชื่อ (pre – post) กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อวันที่ 14 -15 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจจองเต็มโครงการแล้ว โดยการเคหะแห่งชาติจะสามารถส่งมอบให้กับผู้อยู่อาศัยได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2563 นี้