รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)
ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2563
1. สถานการณ์ ถึงวันที่ 19 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.
1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 229 ราย กลับบ้านแล้ว 42 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 272 ราย
2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 18 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 8,157 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 305 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 7,852 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 5,106 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 3,051 ราย
3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 168 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 19มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 212,799 ราย เสียชีวิต 8,787 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,894 ราย เสียชีวิต 3,237 ราย
2.สธ.เผยพบผู้ติดเชื้อโคโรนา 2019 ใหม่เพิ่ม 60 ราย
กระทรวงสาธารณสุขเผยพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่ม 60 ราย แนะผู้เที่ยวสถานบันเทิงและ ชมมวย ร่วมรับผิดชอบต่อสังคมปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย และคณะแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ว่าวันนี้มีผู้ป่วยใหม่ 60 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่มดังนี้
กลุ่ม 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 43 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 12 ราย, กลุ่มสถานบันเทิง 14 ราย, กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 12 ราย และกลุ่มที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาประเทศมาเลเซีย 5 ราย
กลุ่ม 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 17 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 9 ราย, กลุ่มทำงานใกล้ชิดสัมผัสต่างชาติ 3 ราย ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดใกล้ชิดคนจำนวนมาก 1 ราย และรอผลสอบสวนโรคเพิ่มเติม 4 ราย
สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 3 ราย รายแรก ชายไทย อายุ 49 ปี ที่รักษาตัวในหอผู้ป่วยวิกฤติโรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี อาการยังอยู่ในภาวะวิกฤติ ได้รับการล้างไตแล้วแต่ผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว รายที่ 2 ชายชาว เบลเยี่ยม อายุ 67 ปี ที่โรงพยาบาลในจังหวัดเพชรบูรณ์ อาการยังอยู่ในภาวะวิกฤติ มีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจ กินยาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้ใส่ท่อช่วยหายใจ รายที่ 3 รักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
สำหรับกลุ่มที่เดินทางกลับจากประเทศอิตาลี ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี 83 คน ทั้งหมดไม่มีไข้ ยังต้องเฝ้าระวังสังเกตอาการ จนครบ 14 วัน สรุปวันนี้มีผู้ป่วยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 42 ราย อยู่ในโรงพยาบาล 229 ราย ผู้ป่วยอาการหนัก 3 ราย เสียชีวิต 1 ราย ผู้ป่วยสะสมในประเทศไทยขณะนี้ 272 ราย
สถานการณ์ขณะนี้ผู้ป่วยรายใหม่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง โดยเป็นผู้ทำงานในสถานบันเทิง คนเที่ยว รวมไปถึงคนในครอบครัวซึ่งเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด เริ่มพบรายงานผู้ป่วยตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม2563 ถึงขณะนี้รวม 57 ราย ส่วนกลุ่มสนามมวย พบการติดเชื้อตั้งแต่ ผู้จัด เจ้าของค่าย เซียนมวย พิธีกร ผู้ชม รวมไปถึงครอบครัว คนใกล้ชิด พบตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2563 ถึงขณะนี้ รวม 52 ราย ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ชมที่มาจากต่างจังหวัด เมื่อป่วยก็จะนำเชื้อกลับไปติดคนใกล้ชิด คนในครอบครัว คนในภูมิลำเนา ที่สำคัญยังมีบางคนที่เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง (ยังไม่ป่วย) ไม่ได้กักกันตัวเองตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขไปมีกิจกรรมกับผู้อื่นในสังคม ซึ่งเป็นอันตรายมากต่อผู้อื่น จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้หลีกเลี่ยง/งดการไปในสถานที่ที่คนแออัดเนื่องจากเป็นสถานที่เสี่ยงสูง ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลได้มอบอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาปิดสถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่โรค เช่น ผับ ร้านอาหาร สถานบันเทิง เวทีมวย และอื่น ๆ เป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ขอแนะนำประชาชนให้ งด/ลด การเดินทาง ไปในพื้นที่เสี่ยงของการระบาดของโรค ไม่ออกนอกพื้นที่โดยไม่จำเป็น หากรู้ว่าตนเองเป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง (ครอบครัวผู้ป่วย เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน ร่วมวงสังสรรค์ ร่วมเชียร์มวย เชียร์บอล ผู้นั่งติดกัน ใช้พาหนะร่วมกัน) ขอให้ร่วมรับผิดชอบสังคม ด้วยการกักกันตนเองที่บ้านอย่างเคร่งครัด (Self-Quarantine at Home) รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ เมื่อมีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ให้สวมหน้ากากอนามัยรีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมแจ้งประวัติความเสี่ยง ขอให้แยกของใช้ส่วนตัว รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ แยกสำรับอาหาร ถ้าไม่แยกสำรับ ให้ใช้ช้อนกลางส่วนตัว
3. คำแนะนำสำหรับประชาชน
ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารได้ที่เว็บไซต์https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/ และ “ไทยรู้ สู้โควิด” ทาง Twitter, Facebook, Line official, TikTok และChatBot 1422 ทาง ID : @COVID-19 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” ตรวจสอบข่าวลวงได้ที่ www.antifakenewscenter.com