กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เดินหน้าปีที่ 68 ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 5 ด้าน สร้างสุขภาพดี สิ่งแวดล้อมดี เอื้อต่อการใช้ชีวิตทุกกลุ่มวัย พร้อมชวนบุคลากรกรมอนามัยร่วมใจสร้างสุขอนามัยที่ดีลดเสี่ยง โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เน้นย้ำล้างมือ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วย และเลี่ยงเข้าไปในที่ที่มีคนหนาแน่น
วันที่ 12 มีนาคม 2563 แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในโอกาสครบ 68 ปี กรมอนามัย (12 มีนาคมของทุกปี) ว่า การมีสุขภาพดีของประชาชนเป็นเป้าหมายสำคัญของกรมอนามัยที่ดำเนินการภายใต้ยุทธศาสตร์ 5 ด้าน คือ 1) การส่งเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัย ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์คุณภาพ ส่งต่อไปวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน และวัยสูงอายุ 2) สร้างความเข้มแข็งระบบอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อให้ประชาชนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการมีสุขภาพดี 3) สร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพ เพื่อให้ประชาชน ชุมชน และสังคม มีศักยภาพในการจัดการสุขภาพของตนเองได้อย่างเหมาะสม 4) อภิบาลระบบส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้กฎหมายปกป้องคุ้มครองสิทธิประชาชน และ 5) ปฏิรูประบบงานสู่องค์กรที่มีสมรรถนะสูงและมีธรรมาภิบาล เพื่อสร้างรากฐานองค์กรทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ให้มีสมรรถนะในการเป็นผู้นำและขับเคลื่อนภารกิจส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อมเพื่อเป้าหมายสุขภาพดีทุกวัยในทุกพื้นที่
แพทย์หญิงพรรณพิมล กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมากรมอนามัยยังได้มีการเฝ้าระวังด้านสุขภาพทั้งในสถานการณ์ปกติและกรณีมีการระบาดของโรคที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในช่วงนี้จากสถานการณ์ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้แพร่อย่างรวดเร็วและกระจายไปหลายประเทศทั่วโลกจนทำให้มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สำหรับประเทศไทยแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดยังคงอยู่ในวงจำกัดระดับที่ควบคุมได้ แต่จำเป็นต้องคัดกรอง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ทั้งในประเทศและสถานการณ์โลกอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนในประเทศให้มีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม สร้างสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดีเพื่อป้องกันโรคดังกล่าว
“โดยเฉพาะบุคลากรกรมอนามัยเป็นต้นแบบความรอบรู้ด้านสุขภาพในการมีสุขอนามัยที่ดีและสื่อสารบอกต่อไปยังผู้คนรอบข้าง เพื่อป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งได้เน้นย้ำยึดหลักสร้างสุขอนามัยด้วย 3 ล. คือ 1) ลด : ลดความเสี่ยงจากการสัมผัสด้วยการล้างมือด้วยน้ำและสบู่หรือ เจลแอลกอฮอล์ให้บ่อยขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในพื้นที่สาธารณะและก่อนกินอาหาร และหากรู้สึกไม่สบาย ไอ จาม ให้สวมหน้ากากอนามัย 2) เลี่ยง : เลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค และเลี่ยงการเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหนาแน่น รวมทั้งเลี่ยงใช้มือสัมผัสหน้า และ 3) ดูแล : ดูแลสุขภาพตนเองและสังคม รักษาสุขภาพด้วยการกินร้อน ใช้ช้อนกลาง ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ ในกรณีที่เดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยง ต้องแยกและสังเกตอาการไม่น้อยกว่า 14 วัน หากจำเป็นต้องไปในที่มีผู้คนหนาแน่นหรือใช้บริการขนส่งสาธารณะร่วมกับผู้คนจำนวนมากควรสวมหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันการรับเชื้อโรค ถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคนที่ร่วมจะฝ่าฟันวิกฤติการแพร่ระบาดในครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยกัน” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวในที่สุด
………………………………………………………
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ/ 12 มีนาคม 2563