จุรินทร์จัดหนัก! จับ “ลาซาด้า” รวดเดียว 3 คดี ขายเกินราคา สั่งพนักงานเจ้าหน้าที่เดินหน้าลุยสืบสวนสอบสวนต่อไป

วันที่ 11 มีนาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แถลงการจับกุม ผู้กักตุนและขายเกินราคาหน้ากากอนามัยที่ตึกบัญชาการ ห้อง 301 ทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน นายสุชาติ สินรัตน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายชาตรี อารีวงศ์ ผู้อำนวยการกองตรวจสอบและปฏิบัติการ นายวรพจน์ แพรัศมี นิติการชำนาญการพิเศษ นายสรวุฒิ ฉายาวิริยะ นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ นายธีระพัฒน์ พรหมมา นักวิชาการพาณิชย์ชำนาญการพิเศษ นายธวนิช เมตตา นักวิชาการพาณิชย์ปฏิบัติการ และพนักงานเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องกฎหมายในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับคณะทีมงาน

รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ผลการดำเนินการติดตามในเรื่องของการค้าผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์ม เราได้มีการดำเนินการทางมาโดยลำดับนั้นได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เชิญแพลตฟอร์มที่มีการค้าออนไลน์ทีหมิ่นเหม่ต่อการกระทำผิดกฏหมาย และได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมาพบที่กระทรวงพาณิชย์มาแล้ว และได้เตือนให้ระมัดระวังอย่าให้กระทำผิดกฎหมายเกิดขึ้นโดยอาศัยแพลตฟอร์มและปลัดกระทรวงให้ทำหนังสือเป็นทางการจะให้แพลทฟอร์มต่างๆได้รับทราบถึงข้อกฎหมายและโทษที่จะได้รับหากปล่อยให้มีการกระทำผิดกฏหมายบนแพลทฟอร์มนั้นๆ

สำหรับวันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มลาซาด้า ( LAZADA ) จำนวน 3 คดี

1.คดีที่จังหวัดนครปฐมซึ่งได้มีผู้ร้องมาที่สายด่วน 1569 การติดตามและเจ้าหน้าที่ได้ติดตาม จนมีการทราบว่าร้านขายยาชื่อดีดี ฟาร์มา มีการค้าออนไลน์บนลาซาด้า พบของกลางจำนวน 28 กล่อง เป็นหน้ากากอนามัยและมีโค้ดลาซาด้าอยู่บนกล่องที่เตรียมการในการที่จะส่งมอบให้กับผู้ซื้อปลายทาง พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อหาสองข้อหาเบื้องต้น คือ ขายเกินราคา และขายเกินราคาอันสมควร สำหรับการขายเกินราคาชิ้นละ 2.50 บาท ได้ขายกล่องละ 1,100 บาท ซึ่งเฉลี่ยชิ้นละประมาณ 22 บาทและขายเกินราคาสมควรคือค่ากำไร ราคาโทษไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนค้ากำไรเกินควรจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับทั้งสองกระทง และวันที่ 11 มีนาคม หลังจากขยายผลในเรื่องนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ของพาณิชย์จังหวัดนครปฐมได้เข้าแจ้งความเวลา 10.00 น. กับกรรมการผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยของลาซาด้าในฐานะตัวการร่วม ซึ่งมีโทษเท่ากันและพนักงานสอบสวนได้รับคดีเรียบร้อยแล้ว

2.การดำเนินการร้านที่จำหน่ายหน้ากากสีเขียวที่ใช้ทางการแพทย์ ในราคา 1,099 บาท ตกเฉลี่ยชิ้นละ 22 บาทโดยได้มีการเซ็นต์รับของเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 เวลา 15:00 น. และมีการบันทึกปากคำเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนส่งที่มาส่งที่ปลายทางโดยมีหลักฐานใบสั่งซื้อมีหลักฐานเอกสารของลาซาด้าในการรับคำสั่งซื้อและรหัสการสั่งซื้อครบถ้วน โดยผู้ที่จำหน่ายคือร้าน 928 Shop เท่าที่ติดตามว่าปิดร้านไปแล้ว แต่หลังจากแถลงข่าวเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์จะไปแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวน คือ ตำรวจกขบ. คือตำรวจที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการคุ้มครองบริโภคที่ศูนย์ราชการในข้อหาขายเกินราคาควบคุมและค้ากำไรเกินควร
โดยจะแจ้งข้อหากับร้าน 928 Shop และลาซาด้าที่เป็นแพลตฟอร์มให้มีการหาผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน

3.กรณีที่จังหวัดนครปฐม ร้านที่ดำเนินการขายผิดกฎหมาย คือ Appliance & Safety (NK) โดยขายในราคากล่องละ 1,299 บาท ชิ้นละ 26 บาท จะแจ้งข้อหาขายเกินราคากำหนดและค้ากำไรเกินควรเช่นเดียวกัน และจะดำเนินคดีที่กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) ต่อไป

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราพบว่ามีความพยายามที่จะหาลู่ทางในการค้ากำไรเกินควรโดยปรับเปลี่ยนรูปแบบไปขายตามราคาควบคุมแต่คิดค่าขนส่งแพงมาก ขอเตือนว่าผิดกฎหมายเช่นเดียวกัน จะเข้าข่าย ขายเกินราคาและขายในราคาสูงเกินสมควร ในสองข้อหาเช่นเดียวกัน เพราะคำว่าราคาควบคุมนั้นรวมทั้งตัวสินค้าและค่าบริการด้วย ดังนั้นค่าขนส่งถือเป็นค่าบริการถือว่าอยู่ในกฎหมายเช่นเดียวกัน ใครที่กำลังทำอยู่ก็มีความผิดตามกฎหมายเช่นเดียวกัน

ส่วนคำถามเกี่ยวกับเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเล็กพรรคหนึ่งส่อกระทำความผิดนั้น ด้าน นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าว ก็รณีที่เกี่ยวข้องกับบุคคลซึ่งอยู่ในพรรคการเมืองก็ไม่มีการยกเว้น ทั้งนี้ได้เข้าร่วมกับพนักงานสอบสวนในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นทั้งในส่วนที่เป็นข่าวและในส่วนที่เกิดขึ้นใหม่ก็จะได้ตามสืบสวนสอบสวนต่อไป หากรถกระทำความผิดกฎหมายได้ก็จะดำเนินการทันที กรณีพี่ขาวหมายถึงบุคคลในพรรคภราดรภาพนั้น ก็เช่นกันกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมาย หากประชาชนจะให้ความร่วมมือกลับเบาะแสและข้อมูลสามารถประสานงานได้ที่สายด่วน 1569 ทันที

คดีที่เกี่ยวกับนาย “บอย”ได้นำไปสู่การดำเนินคดีเกิดมาจากที่ทางสายตรวจของกระทรวงพาณิชย์ได้นำเรื่องนี้ไปหารือเพื่อที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีการโพสต์ลงใน Facebook โดยใช้ชื่อจริงก็ส่งให้ร่วมมือกับกองมาครับการปราบปรามผู้บริโภคสืบสาวราวเรื่องพบว่าอยู่จังหวัดชลบุรีและมีการลงโดยใช้บัญชีของธนาคารกสิกรไทยจนตามเจอตัวแล้วได้ติดตามและเข้าไปใน Facebook ปรากฏว่า Facebook ปิดไปแล้วและตรวจสอบโทรศัพท์ที่ลงไปไว้โทรไปแล้วปรากฏว่าเบอร์โทรนี้ยังไม่จดทะเบียนในระบบเข้าใจว่ามีการปิดไปแล้วไม่นานนี้จึงมีเสียงตอบรับว่ายังไม่จดทะเบียนในระบบแต่ไม่ได้ตัวบุคคลมาก็ส่งพนักงานสอบสวนเจ้าพนักงานสอบสวนก็กำลังขยายผลในเรื่องอื่นต่อไป

ในส่วนของข้อหาอาจจะได้ถึง 3 ข้อหา หนึ่งมีสินค้าไว้และไม่แจ้งปริมาณการเก็บสินค้าคงเหลือในกรณีที่เป็นตัวแทนจำหน่ายมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีปรับไม่เกิน 20,000 บาทและอาจเป็นข้อหามาตรา 25(1)ขายเกินราคาควบคุม จำคุกไม่เกิน 5 ปีปรับไม่เกิน 100,000 บาทและสุดท้ายมาตรา 29 จำคุกไม่เกิน 7 ปีปรับไม่เกิน 140,000 บาท ตอนนี้อยู่ในมือของพนักงานสอบสวนแล้วทางกระทรวงพาณิชย์โดยทีมงานสายตรวจของกรมการค้าภายในกำลังสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลที่นำส่งให้กับพนักงานสอบสวนทำการดำเนินคดีได้ต่อไป

ขณะนี้กรมการค้าภายในลงตรวจสอบร่วมกับเจ้าที่ตำรวจพบว่ามีการเก็บของอยู่ 12,500 ชิ้นในเรื่องนี้ทางกรมการค้าภายในได้มอบอำนาจให้มีการเรียกออกหมายเรียกมาดำเนินคดีต่อไป ส่วนข้อหาอื่นคือพนักงานสอบสวนพบว่าตึกนี้เป็นที่ทำการของบริษัทตามข่าวและได้มีการตรวจสอบในเรื่องของสถานะของบริษัทพบว่าบริษัทนี้มีชื่อนายพันยศเป็นผู้ถือหุ้นและมีอีกคนหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวข้องคือเหรัญญิกพรรคภราดรภาพเป็นผู้ถือหุ้นเหมือนกันแต่ได้ยกเลิกบริษัทไปแล้วและเสร็จสิ้นการชำระบัญชีไปแล้วนะขณะนี้บริษัทนี้ถือว่าไม่มีบริษัทอีกต่อไปโดยจะส่งให้ทางโทรศัพท์หรือว่ามีการใช้ชื่อบริษัทนี้ในนามนิติบุคคลไปทำธุรกิจได้ได้หรือไม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัยส่วนเรื่องของการกักตุนนั้นก็จะต้องพิจารณาว่าความผิดครบองค์ประกอบหรือไม่ เบื้องต้นความผิดครบก็ต้องดำเนินคดีไป

กรณีเค้าถามถึงการส่งออกที่ระบุว่ากรมศุลกากร แถลงนั้น นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า สำหรับหน้ากากอนามัยทางการแพทย์นั้นไม่อนุญาตให้ส่งออกยกเว้นประเภทที่บ้านเราไม่ใช้หรือมีลิขสิทธิ์ไม่สามารถนำมาใช้ในบ้านเราได้ เป็นการรับจ้างผลิตมีเครื่องหมายการค้า เช่นนั้ยถ้านำมาใช้จะมีปัญหาเรื่องกฎหมายลิขสิทธิ์ ยืนยันว่าหน้ากากอนามัยที่ประเทศไทยเราใช้ในบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนใช้อยู่ปัจจุบันนี้ไม่มีการส่งออก อย่างไรก็ตามจะต้องดูรายละเอียดของประกาศกฎหมายและวันเวลาด้วย