กรมการแพทย์ โดยสถาบันโรคผิวหนัง แนะนำวิธีเลือกครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพทั้งดูแล ป้องกัน บำรุงผิวและที่สำคัญไม่ก่อให้เกิดปัญหาผิว มีการรับรองมาตรฐานและราคาเหมาะสมไม่แพงจนเกินไป เพื่อให้ประชาชนรู้และเข้าใจถึงประโยชน์และโทษของการเลือกใช้ครีมกันแดด
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่าแสงแดดที่ส่องมาถึงพื้นผิวโลกประกอบด้วยแสงที่มองเห็นได้ รังสีอินฟราเรด และรังสียูวี ก่อนจะมาถึงผิวโลกจะถูกกรองออกบางส่วนโดยชั้นโอโซนในชั้นบรรยากาศ ปัจจุบันปัญหามลภาวะ ทำให้ชั้นโอโซนบางลง มนุษย์จึงมีโอกาสรับรังสียูวีมากขึ้น ถ้าผิวหนังได้รับยูวีบีมากเกินไปจะทำให้ผิวไหม้ ดำคล้ำ และเป็นกระฝ้า ส่วนยูวีเอ ทำให้เกิดริ้วรอย ผิวหนัง เหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย และอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้
แพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่าการป้องกันอันตรายจากรังสียูวีที่ต้องเผชิญตลอดทั้งวัน ต้องเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวจากรังสียูวี ควรอ่านรายละเอียดจากฉลากของผลิตภัณฑ์ก่อนเลือกซื้อโดยสังเกตจากค่าพีเอ ซึ่งเป็นค่าปกป้องรังสียูวีเอ ควรมีค่าสูงสุดคือ ++++ (พีเอ 4+) และค่า SPF ซึ่งเป็นค่าปกป้องรังสียูวีบีอย่างน้อย 50+ ซึ่งหมายความว่าครีมสามารถป้องกันผลเสียจาก ยูวีบีได้นานมากกว่าหรือเท่ากับ 50 เท่า ค่า PA และ SPF ยิ่งสูง หมายถึงประสิทธิภาพในการกรองรังสียิ่งดีขึ้น ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันครีมกันแดดที่มีเนื้อครีมบางเบาซึมซาบผิวได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะน่ะ ไม่ทำให้หน้าขาววอก ไม่ก่อปัญหาต่อผิวหนัง เช่น สิว และกันน้ำ กันเหงื่อ จึงไม่ต้องทาบ่อย ๆ ควรมีส่วนผสมของสารบำรุงเพิ่มความชุ่มชื้น และป้องกันการเกิดริ้วรอย เพื่อการบำรุงและฟื้นฟูผิวที่แห้งเสีย คืนสภาพผิวให้กระจ่างใส อีกอย่างที่สำคัญต้องสังเกตวันเดือนปีที่ผลิต หรือวันเดือนปีที่หมดอายุ เลขที่จดแจ้ง (อย.) และราคาไม่แพงจนเกินไป ควรทาเป็นประจำทุกวันเพื่อป้องกันปัญหาจากแสงแดดและมีผิวสวยอ่อนกว่าวัย
#กรมการแพทย์ #สถาบันโรคผิวหนัง #ครีมกันแดด