กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลทดสอบประสิทธิภาพของหน้ากากผ้า

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยผลการทดสอบประสิทธิภาพของหน้ากากผ้า พบว่า ผ้าฝ้ายมัสลินมีความเหมาะสมในการนำมาใช้ทำหน้ากากผ้ามากกว่าผ้าชนิดอื่น อย่างไรก็ตามเพื่อความสะอาด ของหน้ากากผ้าแนะนำให้ซักล้างและตากแห้งทุกวันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนสวมหน้ากากป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ กระทรวงสาธารณสุข โดย ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ท่านอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ให้นโยบายการใช้หน้ากากป้องกันไวรัส COVID-19 ที่มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับความเสี่ยง หน้ากากผ้าจึงเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนที่ไม่ป่วยและมีความเสี่ยงต่ำกว่าบุคลากรทางการแพทย์ ที่สำคัญคือสามารถทำเองได้ ทำให้หลายหน่วยงานในภาครัฐสนับสนุนให้ประชาชนตัดเย็บหน้ากากผ้า ขึ้นใช้เอง ดังนั้นกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้รับมอบหมาย จากท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย จึงได้ทำการศึกษาชนิดของผ้าต่างๆ ที่น่าจะมีความเหมาะสมในการนำมาใช้ คือ 1.สามารถกันอนุภาคขนาดเล็ก 2.ป้องกันการซึมผ่าน ของละอองน้ำ 3.สามารถนำไปซักได้หลายครั้งรวมถึงหาได้ง่ายทั่วไป โดยทำการศึกษาเปรียบเทียบ ผ้าหลายรูปแบบ เช่น ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าฝ้ายมัสลิน ผ้าสาลู ผ้านาโน และผ้ายืด ผลการทดสอบพบว่ามีผ้า 3 ชนิดคือ ผ้าฝ้ายดิบ ผ้าฝ้ายมัสลินและผ้านาโน เมื่อนำผ้ามาประกอบกัน 2 ชั้นและส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เส้นใยผ้าสามารถกันอนุภาคได้ใกล้เคียงหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และได้ศึกษาจำนวนครั้งของการซักล้างในผ้า 3 ชนิดเพื่อทดสอบการเป็นขุยพบว่า ผ้าฝ้ายดิบและผ้าฝ้ายมัสลิน สามารถซักได้มากกว่า 100 ครั้ง โดยคุณภาพของเนื้อผ้าไม่เสื่อม และทดสอบประสิทธิภาพการต้านการซึมผ่านของละอองน้ำพบว่า ผ้าฝ้ายมัสลินและผ้าสาลูสามารถต้านการซึมผ่านได้ดีที่สุด

นายแพทย์โอภาส กล่าวต่ออีกว่า จากผลการทดสอบสรุปว่าผ้าฝ้ายมัสลิน มีความเหมาะสม ในการนำมาใช้ทำหน้ากากผ้า 2 ชั้นมากกว่าผ้าชนิดอื่น เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีหลายด้าน คือ สามารถกันละอองน้ำและเส้นใยผ้าสามารถกันอนุภาคได้ดีกว่าผ้าชนิดอื่นและที่สำคัญสามารถนำมาใช้งาน ได้หลายครั้ง อย่างไรก็ตามเพื่อความสะอาดของหน้ากากผ้าแนะนำให้ซักล้างและตากแห้งทุกวัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ประชาชนต้องป้องกันตัวเองโดยไม่เอามือไปสัมผัส หน้ากาก ขณะสวมใส่ เพื่อไม่ให้เชื้อโรคมาติด ซึ่งอาจจะเข้าสู่จมูกหรือปากได้และล้างมือบ่อยๆ