วันที่ 11 มีนาคม 2563 พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (เลขาธิการ ปปง.) กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรม ในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2563 เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2563 ได้มีมติให้ดำเนินการกับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิดในคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จำนวน 4 รายคดี ได้แก่
1. รายคดี นายวัชรวิทย์ สุภาษิต ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นายวัชรวิทย์ สุภาษิต ได้เปิดเพจ “Mask – หน้ากากอนามัย ราคาโรงงาน ปลีก – ส่ง” โฆษณาขายหน้ากากอนามัย ราคาโรงงานคุณภาพอย่างโรงพยาบาล ในราคากล่องละ 550 บาท ซึ่ง 1 กล่องบรรจุ 50 ชิ้น ชิ้นละ 11 บาท บนอินเทอร์เน็ตทาง Facebook และได้เปิดบัญชีธนาคารเพื่อให้ผู้ที่สนใจสั่งซื้อหน้ากากอนามัย และโอนเงินให้ ต่อมามีผู้เสียหายเข้าไปสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจากเพจ ดังกล่าว โดยเมื่อหลังจากโอนเงินชำระค่าสินค้าหน้ากากอนามัยแล้วก็ไม่สามารถติดต่อนายวัชรวิทย์ สุภาษิต ได้ เบื้องต้นพบผู้เสียหายจำนวนมาก
มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ : มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดของนายวัชรวิทย์ สุภาษิต และผู้เกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์
2. รายคดี นายจ้าว หราน (สัญชาติจีน) กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมที่มีกฎหมายกำหนดเป็นความผิดอันเป็นมูลฐานตามมาตรา 3 วรรคหนึ่ง (10) และวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นายจ้าว หราน กับพวกได้ลักลอบดำเนินการให้มีการอุ้มบุญข้ามชาติโดยผิดกฎหมาย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจะมีนายหน้าเข้าไปติดต่อหาหญิงไทยที่ต้องการรับจ้างตั้งครรภ์แทนให้กับนายทุนผู้ว่าจ้างสัญชาติจีน เสนอให้ค่าตอบแทนรายละ 300,000 – 450,000 บาท ซึ่งนายหน้าจะพาหญิงที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนเดินทางไปที่ประเทศกัมพูชาหรือประเทศลาว เพื่อฉีดฝังตัวอ่อน จากนั้นจะพากลับมาฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลในประเทศไทย เมื่อใกล้ถึงกำหนดคลอดอายุครรภ์ประมาณ 7 – 8 เดือน นายหน้าจะพาหญิงที่รับจ้างตั้งครรภ์แทนเดินทางไปคลอดบุตรที่ประเทศจีน และส่งมอบบุตรที่คลอดให้กับลูกค้าชาวจีน
มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ : มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ของ นายจ้าว หราน กับพวก รวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์
3. รายคดี นางสาววราภรณ์ เข็มนอก กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา หรือความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็น การฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน พ.ศ. 2542
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นางสาววราภรณ์ เข็มนอก กับพวกได้เปิดเพจ Facebook จำนวนหลายเพจ ได้แก่ “waraporn khemnak’ll”, “บิวตี้เพ็ญ (Beauty Pen)”,“Phakbung First” และ“Ampikha Damnoenngam” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโฆษณาชักชวนบุคคลทั่วไปให้ร่วมลงทุนซื้อขายแชร์มือหลุด และหลอกลวงว่าจะได้ผลตอบแทนสูง โดยมีการตั้งกลุ่มชื่อแชร์ว่า แชร์มือหลุดพี่บี และกลุ่มมือรวย p&p จงมีและรวยมาก ทำให้มีผู้เสียหายหลงเชื่อและเข้าซื้อขายแชร์มือหลุดจำนวนมาก ปรากฏความเสียหายรวมทั้งสิ้นประมาณ 105,452,450 บาท
มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ : เห็นชอบให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 40 รายการ พร้อมดอกผล (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 65,541,628.94 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
4. รายคดี นางสาววิไลลักษณ์ แสนลี่ กับพวก ซึ่งพฤติการณ์แห่งคดีมีลักษณะเป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (1) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
พฤติการณ์แห่งคดีโดยย่อ : นางสาววิไลลักษณ์ แสนลี่ กับพวก เป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดของ นายเลาต๋า แสนลี่ ผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคเหนือ ซึ่งถูกจับกุมดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและศาลฎีกาได้พิพากษาให้จำคุกแล้ว โดยนางสาววิไลลักษณ์ แสนลี่ ทำหน้าที่รับโอนเงินค่ายาเสพติดต่อจากนางสาวซู่ยิง แซ่หวู่ ภรรยาของนายปรีชา แสนลี่ โดยเงินดังกล่าวเป็นเงินที่รับมาจากกลุ่มผู้ซื้อยาเสพติดทางภาคใต้ ทั้งยังมีหน้าที่ในการแปรสภาพเงินที่ได้จากการกระทำผิดไปเป็นทรัพย์สินอื่นเพื่อปกปิดแหล่งที่มาของเงินดังกล่าว
มติคณะกรรมการธุรกรรมโดยย่อ : เห็นชอบให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 3 รายการ พร้อมดอกผล (รถยนต์และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง) รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 500,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน
พลตำรวจตรี ปรีชาฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรรมและตัดเส้นทางทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผล เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้นและเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหา ความเดือดร้อนของประชาชนและเพื่อความสงบสุข ความมั่นคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญา การทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดิน โดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยกฎหมายฟอกเงิน” ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงาน ปปง. เพื่อขอเอกสารหรือตรวจค้นบริษัทหรือบ้านพัก โปรดอย่าหลงเชื่อ ขอให้โทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1710