1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.
- รายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อขณะนี้นอนในโรงพยาบาล 7 ราย กลับบ้านแล้ว 7 ราย รวมสะสม 14 ราย
- ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 ถึง 30 มกราคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 280 ราย คัดกรองจากสนามบิน 37 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 243 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว 68 ราย ส่วนใหญ่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 212 ราย โดยในวันที่ 30 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรครายใหม่ 78 ราย
- สถานการณ์ทั่วโลกใน 20 ประเทศ ข้อมูลตั้งแต่ 5 – 29 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 7,803 ราย ส่วนประเทศจีน ข้อมูล ณ วันที่ 30 มกราคม 2563 พบผู้ป่วย 7,711 ราย เสียชีวิต 170 ราย
- ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” งดแชร์ข้อมูลผู้ป่วยทางสื่อออนไลน์ และมาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/และ Line@/เฟสบุ๊ค: รู้กันทันโรค,Coronavirus2019, กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ประชาชนสามารถตรวจสอบข่าวลวงได้ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม www.antifakenewscenter.com
2.สธ.ยกระดับการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หลังองค์การอนามัยโลกประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป ให้สัมภาษณ์ว่า องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public health Emergency of international Concern) เมื่อคืนนี้ (30 มกราคม 2563) เนื่องจากมีรายงานผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น และพบผู้ป่วยในหลายพื้นที่ ตลอดจนมีรายงานการติดต่อระหว่างคนสู่คนภายในประเทศ จึงเป็นเหตุผลสำคัญให้ทางองค์การอนามัยโลกได้ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก ทั้งนี้ประเทศไทย นำโดยนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณายกระดับการทำงานให้สอดคล้องกับประกาศขององค์การอนามัยโลก
โดยบ่ายวันนี้ เวลา 13.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ ตามคำสั่งของท่านนายกรัฐมนตรีซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 ทั้งนี้จะได้มีการประชุมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อยกระดับมาตรการต่างๆ อาทิ เช่น มาตรการทางกฎหมาย มาตรการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค และมาตรการในด้านการสื่อสารความเสี่ยง เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางขององค์การอนามัยโลก
นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (30 มกราคม 2563) ยังได้มีการประชุมคณะกรรมการวิชาการโรคติดต่อภายใต้ พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งได้มีการหารือในประเด็นการประกาศให้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ให้เป็นโรคติดต่ออันตรายลำดับที่ 14 ตลอดจนการพิจารณาเรื่องการประกาศพื้นที่หรือเขตติดโรค
คำแนะนำสำหรับประชาชน สำหรับประชาชนไทย ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศคำเตือนระดับ 3 ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของโรค ให้ยึดหลักการป้องกันตนเองและการดูแลสุขภาพ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” และสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในที่ชุมนุมชน อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่ขอให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทางไปให้ที่ที่มีคนหนาแน่น
3.ผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรค
– จากการตรวจคัดกรอง 5 สนามบิน ได้แก่ สนามบินสุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ ได้ตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ สะสมตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม 2563 ถึงวันที่ 25 มกราคม 2563 จำนวน 137 เที่ยวบิน จำนวน 21,522 คน วันที่ 24-30 มกราคม 2563 ท่าอากาศยานเชียงราย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานกระบี่ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คัดกรองผู้โดยสารสายการบิน จากสาธารณรัฐประชาชนจีน 114 เที่ยวบิน ผู้เดินทางและลูกเรือได้รับการคัดกรอง จำนวน 7,604 ราย ทางกระทรวงสาธารณสุขได้จัดเจ้าหน้าที่หมุนเวียนไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่ที่ด่าน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพตลอด 24 ชั่วโมง
– นักท่องเที่ยวทุกคนจะได้รับแจกคำแนะนำสุขภาพ (health beware card) จากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง และเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรค
4.ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019
ย้ำเตือนประชาชนหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอด้วยน้ำ และสบู่ หรือแอลกอฮอล์เจลล้างมือ ไม่นำมือมาสัมผัสตา จมูก ปาก โดยไม่จำเป็น และปฏิบัติตามคำแนะนำ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” อย่างเคร่งครัด
…………………………………..
31 มกราคม 2563