กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กสมาคมการเล่นนานาชาติสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการ “เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก”เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยไทยผ่านการเล่นที่เป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุดของเด็กปฐมวัย
วันที่ 18 มกราคม 2563 ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการประกาศนโยบาย “เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก” ณ โรงแรมฟอร์จูน ราชพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา โดยมี กรมอนามัย มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก สมาคมการเล่นนานาชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมในครั้งนี้
ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขเห็นความสำคัญของการพัฒนาเด็กปฐมวัยไทยในทุกระดับโดยการเติมเต็มศักยภาพของเด็กปฐมวัยในเขตพื้นที่เมืองและส่งเสริมพัฒนาเด็กปฐมวัย ในเขตพื้นที่ทุรกันดาร ให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถเป็นคนไทยคุณภาพในการพัฒนาประเทศในอนาคต จึงได้ร่วมกับมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก สมาคมการเล่นนานาชาติ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินงานโครงการ “เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก” เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยไทยผ่านการเล่นที่เป็นการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ของเด็กปฐมวัยดำเนินงานตามแนวคิด “เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก Model” ซึ่งเป็นการเล่นรูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นด้วยConcept 3F ได้แก่ Family Free Fun เล่นอิสระ เล่นอย่างมีความสุข เล่นสนุก เล่นกับครอบครัว เพื่อพัฒนาต้นแบบ เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก ประกอบด้วย 4 กิจกรรมสำคัญ ได้แก่ 1. พัฒนา play worker หรือผู้อำนวยการเล่น ได้แก่ ครู ผู้ดูแลเด็ก พ่อแม่ ผู้ปกครอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข โดยปรับทัศนคติการเล่นเพื่อเพิ่มทักษะด้าน SOFT SKILL ให้กับเด็ก2. พัฒนากระบวนการเล่น เน้นอิสระ ครอบครัวมีส่วนร่วม 3. พื้นที่เล่น (play space) ให้เป็นพื้นที่เล่นสร้างสรรค์ตามบริบทพื้นที่ (space) สภาพแวดล้อมรอบตัวเด็ก ต้องกระตุ้นการเรียนรู้ บรรยากาศในการเล่น ความรักและความอบอุ่น สถานที่ปลอดภัย (Safety) และเข้าถึงได้ง่าย (Accessibility) และ 4. การสร้างหน่วยบริหารจัดการการเล่นส่งเสริมการมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการดูแลการเล่นให้เกิดความต่อเนื่องและคงอยู่ตลอดไป
“ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายขับเคลื่อนให้เกิดพื้นที่ต้นแบบเด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลก ที่ได้รับการพัฒนาครบ4 องค์ประกอบ ร่วมกับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ในพื้นที่นวัตกรรมนำร่อง 20 จังหวัด และพัฒนาต้นแบบ เด็กไทยเล่นเปลี่ยนโลกในศูนย์พัฒนาเด็กในพื้นที่เขตสุขภาพ จำนวน 12 แห่ง ภายในเดือนมีนาคมนี้ และขยายจนครบทั้ง 77 แห่งทั่วประเทศภายในเดือนกันยายน เพื่อสร้างความรอบรู้และปรับทัศนคติพ่อแม่ผู้ปกครองครูผู้ดูแลเด็กและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เห็นความสำคัญของการเล่นอิสระ เล่นอย่างมีความสุข เล่นสนุกเล่นกับครอบครัว และเกิดกลุ่มอำนวยการเล่นโดยชุมชนมีส่วนร่วมให้การเล่นมีความต่อเนื่องและยั่งยืน” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทางด้าน แพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ธรรมชาติเด็กทุกคนต้องการการเล่น และเล่นอย่างมีอิสระ โดยที่เด็กเป็นคนออกแบบเอง เมื่อเด็กได้เล่น โลกภายในของเด็กจะเปลี่ยน เกิดความสุข จินตนาการเชื่อมโยงกับโลกภายนอกอย่างไร้ขอบเขต ก่อเกิดความรัก เอื้อเฟื้อแบ่งปัน และสามารถออกแบบสังคมเล็กๆ ที่เป็นความสุขได้ด้วยตัวเองอีกทั้งการเล่นของเด็กยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กมีการขยับร่างกายโดยเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ5 ปีเป็นวัยที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายหรือมีกิจกรรมทางกายทั้งกับพ่อแม่เพื่อนหรือด้วยตนเองสำหรับวัย1 – 5 ปีควรให้เคลื่อนไหวร่างกายอย่างน้อย180 นาทีต่อวันเน้นทักษะการเคลื่อนไหวพื้นฐานเช่นการเดินวิ่งเขย่งกระโดดทรงตัวปีนป่ายหรือช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน โดยพ่อแม่ควรสนับสนุนให้เด็กได้เลือกเล่นตามความชอบเด็กก็จะเกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ ต้องคำนึงและดูแลความปลอดภัยของลูกในขณะเล่นด้วยสำหรับเด็กวัยเรียนและวัยรุ่นอายุ 6-17 ปี ควรมีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางถึงหนักอย่างน้อย 60 นาทีต่อวัน โดยระดับปานกลาง เช่น ปั่นจักรยาน เล่นกีฬา ส่วนแบบหนัก เช่น วิ่งเร็ว กระโดดสูง ว่ายน้ำเร็ว การละเล่นพื้นบ้านต่าง ๆ หรือวิ่งเล่นอิสระ
“ทั้งนี้ การเล่นของเด็กปฐมวัยและวัยประถมศึกษามีความสำคัญและมีคุณค่า เพราะการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ ที่เหมาะสมคือการเรียนรู้ผ่านการเล่นและการเรียนรู้อย่างมีความสุข การเล่นที่ดีจะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีทั้งทางร่างกาย จิตใจ ปัญญา อารมณ์ สังคม มีวินัย มีการวิเคราะห์ เกิดความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้การปรับตัว และพัฒนาการอารมณ์ ความสัมพันธ์กับผู้อื่น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทางด้าน ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ทางสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเทคโนโลยี วิถีชีวิตที่เร่งรีบ แข่งขันสูง เด็กถูกคาดหวังและบีบคั้นให้แข่งขัน ด้านการศึกษา ต้องติวเข้มเพื่อเข้าเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย และมักใช้เวลากับสื่อออนไลน์มือถือ แท็บเล็ต ไม่ต่ำกว่าวันละ 3-4 ชั่วโมง ทำให้การเล่นอิสระหรือเล่นอย่างธรรมชาติน้อยลง ประกอบกับพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ในสังคมไม่เข้าใจ ไม่เห็นความสำคัญของการเล่นอิสระ ปิดกั้นโอกาสในการเล่นอิสระของเด็ก ขาดความรู้ในการออกแบบพื้นที่เล่นอย่างอิสระเพื่อการพัฒนาเด็กเชิงบวกส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของเด็กในหลายด้าน เช่น ปัญหาการขาดกิจกรรมทางกาย ภาวะโรคอ้วน ความเครียด ปัญหาการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและคนรอบข้าง การเข้าสังคม ฯลฯ สสส.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเด็กทุกช่วงวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเด็กปฐมวัย จึงสนับสนุนการทำงานของมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็กและภาคีเครือข่ายการเล่น จนเกิดองค์ความรู้เรื่องการเล่นอย่างอิสระ หลักสูตรฝึกอบรม Play Worker หรือผู้ดูแลการเล่น เครือข่ายทีมวิทยากร พื้นที่ต้นแบบ และภาคีในระดับนานาชาติ ซึ่ง สสส. และภาคีเครือข่ายพร้อมที่จะหนุนเสริมการขับเคลื่อนโยบายเด็กไทย เล่นเปลี่ยนโลกในครั้งนี้
“การเล่นอย่างอิสระ หรือ Free Play เป็นงานสำคัญของเด็กเปรียบเสมือนวัยผู้ใหญ่ที่ต้องมีการทำงาน สสส. เห็นความสำคัญในการขับเคลื่อนเรื่องการเล่นสำหรับเด็กและสนับสนุนเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เด็กมีโอกาสเล่นอย่างอิสระและเหมาะสมกับวัยในพื้นที่ธรรมชาติ เพราะการเล่นมีส่วนที่ช่วยเสริมทักษะด้านวิชาการและความสร้างสรรค์ รู้จักการแก้ปัญหา เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น มีความเชื่อมั่นและภูมิใจในตนเอง เด็กจะผูกพันกับธรรมชาติและชุมชน สุขภาพร่างกายแข็งแรง เมื่อเด็กได้เล่น คลื่นสมองและประสาทจะถูกกระตุ้น เด็กจะมีความสุข สนุกสนานในการเรียนรู้ ที่สำคัญการเล่นสามารถจะส่งเสริมการใช้เวลาอย่างสร้างสรรค์ของเด็กในยุคศตวรรษที่ 21 เป็นทางเลือกในลดการใช้สื่อจอใสและลดการติดเกมอีกด้วย” ดร.สุปรีดา กล่าว
………………………………………………
ศูนย์สื่อสารสาธารณะ