รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อ โควิด-19 ณ วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน 2564

ประเทศไทย วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 4,108 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 232,647 ราย

-เป็นผู้ติดเชื้อจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯเพิ่มขึ้น 2,835 ราย

-เป็นผู้ติดเชื้อจากเรือนจำ/ที่ต้องขัง 229 ราย

– เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 14 ราย

– เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 1,030 ราย (ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่ 63,783 ราย)

เสียชีวิตรวม 1,775 ราย(วันนี้มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 31 ราย) รักษาหายป่วยแล้ว 191,355 ราย (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 1,578 ราย) รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 39,517 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ (ไม่รวมเรือนจำ) 3,865 ราย มีรายละเอียดดังนี้จากกรุงเทพฯ(1,359) ปริมณฑล (974) จังหวัดอื่น ๆ (1,532)

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 14 รายและเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่ชลบุรี(2) สระแก้ว(10)และ จันทบุรี(2) มีรายละเอียดดังนี้

– จากประเทศกัมพูชา 12 ราย

– จากประเทศโอมาน 1 ราย

– จากประเทศโซมาเลีย 1 ราย

สถานการณ์โลกในวันนี้

– ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 180 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 3.9 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 2.17 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 165 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 91.53)

– สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 12,942 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 618,294 ราย

– อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 30 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 54,319 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 29 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 96.5

– ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 76 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 92 ของโลก

สถานการณ์อาเซียนในวันนี้

– เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 149,927 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 503 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3,269 ราย

– มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 711,006 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 5,244 ราย

– กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 44,711 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 475 ราย

– ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 2,076 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 113 ราย

– เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 220 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 70 ราย

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรคและศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนาสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม