รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อ โควิด-19 ณ วันพฤหัสบดี 11 มีนาคม 2564

ประเทศไทย ผู้ติดเชื้อสะสม 26,598 ราย (เพิ่มขึ้น 58 ราย)

-เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้น 17 ราย

-เป็นผู้ติดเชื้อที่กลับจากต่างประเทศใน Quarantine เพิ่มขึ้น 4 ราย

-เป็นผู้ติดเชื้อที่เดินทางจากต่างประเทศ (ช่องเส้นทางธรรมชาติ) 1 ราย

-เป็นผู้ติดเชื้อจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกวันนี้ 36 ราย(ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกอยู่ที่14,758 ราย)

เสียชีวิตรวม 85 ราย (วันนี้ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต) รักษาหายป่วยแล้ว 26,000 ราย(97.75%) (มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น 54 ราย) รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 513 ราย

ผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ 17 ราย มีรายละเอียดดังนี้ จาก ประจวบคีรีขันธ์(1) นนทบุรี(1) สมุทรสาคร(12) กรุงเทพฯ (2) ราชบุรี(1)

สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้นในวันนี้ 4 รายและเข้า Quarantine โดยเข้ารับการรักษาที่กรุงเทพ(2) และ อยู่ระหว่างประสาน(2) มีรายละเอียดดังนี้

– จากประเทศญี่ปุ่น 1 ราย

– จากประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ราย

– จากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย

– จากประเทศอินโดนีเซีย 1 ราย

สถานการณ์โลกในวันนี้

– ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทั่วโลก 118 ล้านราย มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 2.6 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ 2.2 ของจำนวนผู้ติดเชื้อ) ในขณะที่ผู้รักษาหายมีจำนวน 94 ล้านราย (คิดเป็นร้อยละ79.4)

– สหรัฐอเมริกา มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 60,355 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 1 ของโลก อยู่ที่ 542,191 ราย

– อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 11 ล้านรายแล้ว โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22,841 ราย ทั้งนี้ยอดผู้รักษาหายในอินเดียอยู่ที่ 10.8 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 97

– ไทยมียอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อันดับ 116 และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่อันดับ 154 ของโลก

สถานการณ์อาเซียนในวันนี้

– เมียนมา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 142,073 ราย โดยมียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาอยู่ที่ 13 ราย และมีจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 3,200 ราย

– มาเลเซีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 317,717 ราย โดยยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ อยู่ที่ 1,448 ราย

– กัมพูชา ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 1,163 ราย มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 0 ราย

– ลาว ตัวเลขผู้ติดเชื้อสะสม 47 ราย โดยกำลังรักษาอยู่ 5 ราย

– เวียดนาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่อยู่ที่ 3 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสม 35 ราย

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรม การแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม